ตุรกี (Turkey) ดินแดนสองทวีป ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินทั้งฝั่งเอเชียและยุโรป สถานที่ที่ขึ้นชื่อด้านเอกลักษณ์ และศิลปะที่น่าสนใจของศาสนาอิสลาม ประเทศเจ้าของสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างอลังการแปลกตา ที่ผสมผสามความเป็นยุโรป และอิสลามเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเกินความคาดหมายเลย Merc Gears ขอพาไปตะลุยสถานที่เด็ดๆ แห่งเตอร์กีชกันนะคะ ไปกันเลยค่ะ
สุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sophia)
ฮาเกีย โซเฟีย หรือ สุเหร่าโซเฟีย เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศ าสนา นิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ในปัจจุบันกลายมาเป็นพิพิธภ ัณฑ์ ตั้งอยู่ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี จุดเด่นคือมีโดมขนาดใหญ่กลา งวิหาร อายุ 1,500 กว่าปี ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกล าง และยังเป็นสถานที่สำคัญของว งการศิลปะของโลกอีกด้วยจ้า โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นให ม่ถึงสามครั้ง ครั้งแรกโบสถ์ใหญ่ถูกสร้างข ึ้นในปี ค.ศ. 360 และโบสถ์รองถูกสร้างขึ้นภาย หลังในปี ค.ศ. 415
ต่อมาในวันที่ 13 มกราคมปี ค.ศ. 532 หลังเกิดการจลาจลของประชาชน จึงทำให้โบสถ์ถูกทำลายอย่าง หนัก ในประวัติศาสตร์ระบุไว้ในสถ าบันอิสตันบูลว่า เพียงไม่นานโบสถ์ก็ได้เริ่ม ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งใน วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 532 และใช้เวลาเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ โบสถ์แห่งนี้ก็กลับมามีชีวิ ตอีกครั้งโดยฝีมือของสถาปนิ กที่มีชื่อเสียงอย่าง Isidoros (Milet) และ Anthemios (Tralles) ซึ่งมุมมองการออกแบบของพวกเ ขาทำให้รูปแบบของโบสถ์ ณ ปัจจุบันนี้ได้รับอิทธิพลมา ตั้งแต่ตอนนั้น
โดยโครงสร้าง การออกแบบของสถาปนิกทั้งสอง นั้น พวกเขาได้ติดตั้ง เสา 104 คอลลัมม์ แบ่งเป็น 40 คอลลัมม์ ในชั้นล่าง และ 64 คอลลัมม์ ไว้ในชั้นของแกลลอรี่ โดมถูกออกแบบให้มีความสูงถึ ง 56 เมตร จากระดับพื้นดิน ปูพื้นด้วยหินปูนที่ถูกวาดส ีสันลวดลายเป็นวงกลมอย่างงด งาม การตกแต่งภายในถูกแต่งเติมไ ปด้วยหินอ่อน ภาพของพระเยซู จอนห์ผู้ล้างบาป พระแม่มารี รวมถึงจักรพรรดิแห่งดินีโซแ ละพระสวามี คอนสแตนตินที่ 9 โมโนมาคุส ภาพเหล่านี้มีอายุเก่าแก่มา กคาดว่าถูกทำขึ้นมาในช่วงศต วรรษที่12 และทางเข้าโดมนั้นยังมีภาพโ มเสคเทวทูตผู้พิทักษ์ 6 ปีกของพระเจ้าที่มีอายุกว่า 700 ปีประดับอยู่ 4 ตัว เขาว่ากันว่าเทวทูตเหล่านี้ ถูกทำให้หลับใหลอยู่ในความม ืดมากว่า 160 ปี หลังจากถูกปลดปล่อยเลยมีใบห น้าสว่างเมื่อพระอาทิตย์ในต อนกลางวันอยู่ตลอดเวลาค่ะ
นอกจากนี้แล้วกลางห้องโถงขอ งวิหารสุเหร่าโซเฟียยังเป็น ที่ตั้งบัลลังก์เก่าจักรพรร ดิอีกด้วย ซึ่งใกล้ๆ กับบัลลังก์นั้นจะมีเสาประด ับอยู่ เชื่อว่าเป็นเสารักษาโรค สร้างขึ้นเพื่อรักษาอาการไม เกรนของท่านจักรพรรดินั่นเอ งค่า ภายหลังเมื่อสิ้นสุดสงครามโ รมมัน ฟาติ สุลต่าน มูฮาเหม็ด ได้พิชิตเมืองมาได้ในปี ค.ศ. 1453 โบสถ์แห่งนี้ได้ถูกปรังปรุง ให้เป็นสถานที่ทำพิธีทางศาส นาของชาวอิสลาม ที่เรียกกันว่า “สุเหร่าโซเฟีย”
มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ “บลูมอสก์” สถานที่สำคัญและโด่งดังระดั บโลกของตุรกี ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1606 – 1615 แห่งยุคการปกครองของอาหม็ดท ี่หนึ่งค่ะ ภายในอาคารจะมีชั้นใต้ดินคื อส่วนหลุมฝังศพของผู้รวมก่อ ตั้งมัสยิดแห่งนี้ ส่วนพื้นที่โถงด้านในจะเป็น พื้นที่ให้การศึกษา และบ้านพักสำหรับผู้ป่วยที่ ยากไร้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้กลายเป็นสถา นที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังสุ ดๆ อีกด้วยค่า
“มัสยิดสีน้ำเงิน” ชื่อนี้ถูกเรียกตามลักษณะขอ งสถานที่แห่งนี้ โดยมีการตกแต่งออกแบบภายในด ้วยกระเบื้องอิซนิคบนกำแพงช ั้นในสีฟ้าสดใส เป็นลายดอกไม้ ทั้งอาคาร มีหอมินาเร็ตหรือหอสวดมนต 7 หอ การจัดวางพื้นที่ของอาคารต่ างๆ ถูกจัดวางเป็นรูปตัวยูได้อย ่างสวยงาม โดยลักษณะภายนอกสามารถมองเห ็นได้จากสุเหร่าโซเฟีย เราจะเห็นมัสยิดสีขาวหินอ่อ นที่ตั้งตระหง่าน ถูกยึดไว้ด้วยเสาคอลลัมม์ปล ายยอดแหลมสูงเสียดฟ้านั้นดึ งดูดสายตามากๆ
มัสยิดแห่งนี้สามารถเข้าชมไ ด้ฟรีค่ะ แต่ว่าก็จะมีกฏเกณฑ์ต่างๆ ให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น การแต่งกาย ซึ่งผู้ชายต้องแต่งตัวสำรวม ใส่กางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงจะต้องแต่งตัวสำ รวมใส่กางเกง หรือกระโปรงยาว และจำเป็นต้องใส่ผ้าคลุมหัว ที่ทางมัสยิดจะจัดไว้ให้ แล้วก่อนที่จะเข้าไปด้านใน จะต้องถอดรองเท้าฝากใส่ถุงไ ว้เช่นกันจ้า ภายในก็จะมีป้ายบอกว่าให้เร าสำรวม ไม่ส่งเสียงดัง เพราะสถานที่นี้ยังเป็นพื้น ที่ที่มีการทำกิจกรรมเกี่ยว กับศาสนาอยู่ทุกๆ วันค่ะ อย่างเช่น ที่นี่จะมีการจัดละหมาด 5 ครั้งต่อวัน รวมถึงช่วงพิธีรอมฎอน มัสยิดนี้ก็จะมีการสวดอย่าง ต่อเนื่องตลอด 1 เดือนเต็ม แนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงเวลา ดังกล่าว ในการไปท่องเที่ยวนะคะ
ขึ้นบอลลูนเที่ยวเมืองคัปป าโดเชีย
เมืองคัปปาโดเชีย (Cappadocia) กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท ่องเที่ยว สถานที่ยอดฮิตที่ใครๆ ก็ต่างแชร์รูปบอลลูนหลากสีท ี่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าชวนให ้อยากจะรีบจองตั๋วบินไปตุรก ีกันเดี๋ยวนั้น วันนี้เราจะพาไปทัวร์กันค่ะ ว่าที่นี่มีอะไรให้เช็คอินก ันบ้าง!
เช็คอินแรกกับกิจกรรมสุดฮิต ทัวร์บอลลูน ชมเมืองคัปปาโดเชีย เมื่อขึ้นไปบนบอลลูนแล้ว เราจะได้เห็นวิวเมืองคัปปาโ ดเซียโดยรอบ เมืองนี้มีเอกลักษณ์สุดๆ ค่ะ ภูมิประเทศของเมืองนี้แปลกต ามากกกกก พื้นที่ของเมืองคัปปาโดเชีย จะเต็มไปด้วยแท่งหินปูนที่เ กิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเ มื่อ 3 ล้านปีก่อน แล้วลาวาเหล่านั้นก็ได้ก่อต ัวเป็นชั้นแผ่นดินใหม่ โดนลม น้ำกัดเซาะ จนกลายเป็นรูปกรวยคว่ำ เป็นทรงคล้ายกับกระโจม โดม กระจายอยู่เต็มเลยค่ะ จึงถูกขนานนามว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” และเราก็จะได้เห็นวิวุมุมสู งของ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ด้วยค่ะ
ซึ่งทัวร์บอลลูนมีให้บริการ เกือบทุกวันนะคะ เริ่มตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ ขึ้นเลยจ้า ระยะเวลาก็ประมาณ 1 – 1 ชั่วโมง 30 นาที แนะนำว่าก่อนไป ควรจัดแพลน และเช็คสภาพกาศดีๆ ก่อนนะคะ ไม่อยากให้พลาดเลย เพราะถ้าช่วงไหนที่อากาศไม่ เหมาะสม ก็จะไม่สามารถขึ้นบอลลูนได้
ปามุคคาเล่ (Pamukkale)
ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย สถานที่ท่องเที่ยวขั้นสุดยอ ดของตุรกี ตั้งอยู่ในเมืองเดนิซลี “เมืองแห่งสปา” นั่นเองค่า ที่นี่ถูกค้นพบโดยชาวโรมันห ลายพันปีมาแล้ว เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเ สียงมากในหมู่นักท่องเที่ยว รวมถึงชาวตุรกีด้วย ปามุคคาเล่เป็นแหล่งน้ำพุร้ อนธรรมชาติ เกิดจากความดันความร้อนใต้พ ื้นดินที่ 35- 36 องศาเซลเซียส จึงให้เกิดการประทุน้ำมีแคล เซียมไฮดรอกซัลคาร์บอเนตออก มา รวมถึงพื้นที่ส่วนนี้มีการเค ลื่อนไหวของเปลือกโลกอยู่บ่ อยครั้งจึงก่อให้เป็นแหล่งบ ่อน้ำพุร้อนจำนวนมาก เมื่อบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่อรว มตัวกัน ทำให้มีการก่อตัวของแร่ธาตุ ขนาดใหญ่
ว่ากันว่าน้ำพุร้อนแห่งนี้ม ีอายุมากว่า 14,000 ปี ทำให้ตะกอนที่ไหลฝั่งตัวทับ รวมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาว และกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายแบ บนี้นั่นเองค่า ส่วนน้ำสีฟ้าใสเหมือนแสงตกก ระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้ นเกิดจากน้ำร้อนที่ได้สัมผั สกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และศูนย์เสียความร้อน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ได้สัมผัสก ับอากาศ นั่นเลยทำให้แคลเซียมคาร์บอ เนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่า นี้จึงมีสีฟ้าสวยสด
ใครมีแพลนจะมาแช่น้ำแร่ธรรม ชาติที่นี่ก็สามารถไปได้ที่ อุทยานแห่งชาติปามุคคาเล่ (Pamukkale Natural Park) ค่ะ เสียค่าเข้าเพียง 20 TL หรือ ประมาณ 130 เท่านั้นจ้า ก่อนจะเดินเข้าไปในอุทยานจะ มีป้ายติดไว้ว่าให้ถอดรองเท ้าก่อนเดินเข้าไปนะคะ เล็กๆ น้อยๆ ช่วยกันรักษาธรรมชาติที่สวย งามนะคะ เมื่อเดินเข้าไปขออึ้งกับคว ามใหญ่ของภูเขาเกลือแห่งนี้ จริงๆ ธรรมชาติชั่งสรรค์สร้าง อึ้งอีกรอบกับนักท่องเที่ยว 555 ที่นี่ยุ่งตลอดทั้งปีจริงๆ ค่ะ แนะนำว่าให้ไปช่วงฤดูใบไม้ร ่วงและฤดูใบไม้ผลิจ้า เพราะน้ำจะเต็มทุกบ่อแล้วก็ ไม่ร้อนมากไม่หนาวเกิน แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ น้ำที่นี่ไหลทั้งปีเลย ใครไปช่วงหน้าร้อน น้ำก็จะแห้งๆ หน่อยนะคะ ส่วนหน้าหนาวสำหรับคนไทยก็ไ ม่แนะนำ เพราะพื้นที่ส่วนนี้ติดกับท ะเล ทั้งลม ทั้งหิมะ ไข้กินแน่นอนค่ะ การจะลงไปแช่น้ำเสื้อผ้าที่ ควรเตรียมไปก็จะดีถ้าเป็นกา งเกงขาสั้นพอดีๆ กับ เสื้อยืดค่ะ ที่นี่ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดว ่ายน้ำเพื่อลงไปแช่จ้า
มัสยิดสุเลย์มานิเย (The Mosque of Suleiman)
The Mosque of Suleiman หรือ Süleymaniye Mosque “มัสยิดสุเลย์มานิเย” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1557 เพื่อเป็นบรรณาการให้กับสุล ต่านสุเลย์มาน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื ่อเสียงด้านสถาปัตยกรรม มีความโดดเด่นเรื่องของขนาด และเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาป นิกชื่อดัง Mimar Sinan โดมของมัสยิดสุเลย์มานมีขนา ดสูงถึง 47 เมตร ภายด้านในตกแต่งอย่างหรูหรา อลังการ ด้วยกระเบื้องโมเสคเน้นสีทองเป็นหลัก ประดับอย่างปราณีตลงบนโครงส ร้างหินอ่อนสีขาวนวล ลวดลายเรียบๆ ของผืนพรมสีแดงอิฐที่ตัดกัน ได้อย่างลงตัว กลางโถงมัสยิดมีฐานห้อยโคมไ ฟวงกลมขนาดใหญ่พร้อมกับดวงไ ฟที่ถูกแขวนไว้เรียงรายง่าย ๆ ตอนกลางคืนเมื่อไฟถูกเปิดสถ านที่แห่งนี้จะให้อารมณ์คล้ ายกับโรงละครขนาดใหญ่เลยค่ะ
นอกจากนี้ด้านในของมัสยิดยั งประกอบไปด้วย โรงเรียนสอนศาสนา ห้องครัว โรงพยาบาล ที่พักกองเกวียน ตลาดห้องสมุด และสุสานของสุลต่านสุเลย์มา นกับภรรยาของเขา ซึ่งทางมัสยิดจะมีการจัดพาท ัวร์แบบกลุ่ม และส่วนตัว เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับช ีวประวัติของท่านสุลต่าน ประวัติศาสตร์การก่อสร้างมั สยิด ทั้งในเชิงท่องเที่ยวและการ ศึกษา ที่นี่เปิดให้เข้าชมฟรีทุกว ันตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 18.00 น. แต่จะปิดให้เยี่ยมชมในเทศกา ลรอมฎอนค่ะ
พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace)
พระราชวังทอปกาปี หรือที่รู้จักกันในชื่อวังส ุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของ เมืองอิสตันบูลค่ะ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เหม ็ดที่ 2 (Mehmed the Conqueror) ใช้เป็นที่ประทับของสุลต่าน หลายพระองค์ต่อกันมาหลายศตว รรษ โดยมีทั้งหมด 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย ่างสวยงาม ร่มรื่น น่าเดินเล่นมากๆ เลยค่า มีอาคารสไตล์ตุรกีดั้งเดิมท ี่ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างดีสุดๆ ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกคนสำคัญของเมื องค่ะ
ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปีกล ายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชา ติสำหรับจัดแสดงสมบัติอันล้ ำค่าของสุลต่านองค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โบราณวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ อาวุธในสมัยออตโตมันน์ เช่น ดาบ ปืน ธนู กระบี่ ขวาน ชุดเกราะ และเครื่องราชบรรณาการจากทั ่วโลก รวมถึงเครื่องกระเบื้องของจ ีนกับญี่ปุ่นกว่า 12,000 ชิ้น โดยเครื่องถ้วยชามอันโด่งดั งของจีน เรียกว่า เซลาดอน (Celadon) โดยสุลต่านจะให้ใส่อาหารลงไ ป ถ้ามียาพิษเจือปน เครื่องถ้วยนี้จะมีน้ำออกมา และเปลี่ยนสีนั่นเอง และเครื่องประดับสุดเลอค่า ทั้งทอง หยก มรกต ทับทิม ทีเด็ดที่ถือเป็นสมบัติที่ล ้ำค่าที่สุดในพระราชวังก็คื อ เพชรรูปหยดน้ำ 86 กะรัต ประดับด้วยเงินบริสุทธิ์ เคยใช้ทำเป็นแหวนมาก่อนด้วย นะคะ โอ้มายก้อดด ขอกราบที่ข้อนิ้วงามๆ แข็งแกร่งกว่านี้ไม่มีอีกแล ้วจ้า >,< ความงดงามอลังการของเพชรเม็ ดนี้ โด่งดังจนถูกนำมาเขียนลงนิย ายเรื่อง The Light Of Day และสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อดั งอย่าง Topkapi ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมว ิวชั้นเยี่ยม สามารถเห็นวิวของเมืองอิสตั นบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา (Marmara Sea) และช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)
ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นตลาดที่ใหญ่และเก่าแก่ท ี่สุดแห่งหนึ่งในโลก! ก่อสร้างขึ้นมานานกว่า 1,500 ปี ถือว่าเป็นตลาดที่โด่งดังที ่สุดในตุรกีเลยค่ะ มีนักท่องเที่ยวมาเดินช้อปป ิ้งวันละ 2- 4 แสนคน และในปี ค.ศ. 2014 ยังได้รับการจัดอันดับให้เป ็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมา กที่สุดในโลก โดยมากถึง 91 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียวค่า ฮอตมากกก เต็มไปด้วยร้านค้ากว่า 5,000 ร้าน ถนน 65 เส้น มีจำนวนพนักงานหรือคนขายกว่ า 26,000 คน นอกจากจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งข นาดใหญ่แล้ว ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมในอดีต มีมัสยิด ลานน้ำพุ ฮามัม มหาวิทยาลัยอิสตันบูล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่า แก่แห่งหนึ่งของโลก
ใครมาที่นี่รับรองว่าต้องเส ียเงินแน่ๆ จ้า เพราะมีสินค้าให้เลือกซื้อห ลากหลาย ทั้งเครื่องเงิน ไข่มุก เครื่องปั้นดินเผา เสื้อผ้า ผ้าไหม นาฬิกา รองเท้า ของโบราณต่างๆ ของตกแต่งบ้าน สินค้าชื่อดังของที่นี่จะเป ็นทองคำค่ะ ที่ออกแบบได้สวยงาม และขายได้มากถึงปีละ 100 ตัน เจ้าของร้านบางคนยังจ่ายค่า เช่าเป็นทองคำเลยนะคะ เดินเหนื่อยๆ ก็มีร้านร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆ ให้นั่งพักผ่อน ตลาดจะเปิดทุกวันจันทร์ถึงว ันเสาร์ เวลา 08.30 – 19.00 น. ปิดวันอาทิตย์ค่ะ
ห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus)
ห้องสมุดเซลซุส สุดยอดงานสถาปัตยกรรมเลื่อง ชื่อที่โดดเด่นไปด้วยศิลปะแ บบเฮลเลนนิสติก (Hellenistic) ยิ่งใหญ่และสวยงามมากก ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟิซัส (Ephesus) ซึ่งเป็นเมืองที่รุ่งเรือง และมั่งคั่งที่สุดในแถบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน และยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในจั กรวรรดิโรมันและเขตเอเชียด้ วยค่า
ห้องสมุดเซสซุสเป็นหนึ่งในโ บราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมือ งเอฟิซัสเลยก็ว่าได้ค่ะ สร้างขึ้นโดยลูกชายของเซลซั ส โพเลเมียนุส (Celsus Polemaeanus) ผู้ปกครองแคว้นเอเชียไมเนอร ์ของโรมัน ที่ต้องการสร้างอนุสาวรีย์ใ ห้พ่อของเขา แต่เปลี่ยนใจมาสร้างห้องสมุ ดให้แทน และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำ จากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งน ี้ค่ะ โดยมีทางเข้าทั้งหมด 3 ทาง หน้าประตูทางเข้ามีรูปแกะสล ักเทพีอยู่ 4 องค์ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา (Sophia), เทพีแห่งคุณธรรม (Arete), เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด (Ennoia) และเทพีแห่งความรู้ (Episteme)
ซึ่งนับว่าเป็นห้องสมุดใหญ่ ที่สุดอันดับ 3 ของโลก! ถึงจะเคยถูกเผาโดยชาวกอธ (Goth) และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้เอกสารต่างๆ และอาคารบางส่วนถูกทำลาย ปัจจุบันเหลือแค่เฉพาะด้านห น้าของอาคาร แต่ก็ยังคงความงดงามที่ใครเ ห็นแล้วก็ต้องร้องว้าวกับคว ามอลังการของห้องสมุดแห่งนี ้แน่นอน
เมืองโบราณเอฟิซัส (Ephesus)
มื่อกี้ได้พูดถึงเมืองเอฟิซ ัส ที่ตั้งของห้องสมุดเซลซุสไป บ้างแล้ว จะบอกว่าความยิ่งใหญ่อลังกา รไม่ได้มีแค่นั้นนะคะ เอฟิซัสเป็นเมืองโบราณเก่าแ ก่ที่มีมาประมาณ 100 ปีก่อนยุคคริสตกาล ตั้งอยู่ในมหานครอิซเมียร์ (Izmir) ได้สถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวง ของโรมันและถูกขนานนามว่า เป็นมหานครแห่งแรกและใหญ่ที ่สุดในเอเชีย! เป็นศูนย์กลางการค้าและการเ งิน เรียกได้ว่าร่ำรวยสุดๆ ถนนทุกสายปูด้วยหินอ่อน *0* ปังแค่ไหนถามใจเธอดู~
ข้าศึกจะบุกเข้าโจมตีตัวเมื องได้ยากมากค่ะ เพราะมีภูเขาขนาบสองข้าง ล้อมด้วยทะเล และมีทางเข้าแค่ทางเดียวเท่ านั้น แต่ก็ถูกทำลายลงโดยแผ่นดินไ หวในปี ค.ศ. 614 ทำให้ชาวเมืองต้องหนีอพยพจน กลายเป็นเมืองร้างไป ปัจจุบันก็ยังเหลือร่องรอยค วามยิ่งใหญ่ของเมืองให้นักท ่องเที่ยวได้ชมกัน ซึ่งถือเป็นเมืองโบราณที่สว ยและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ในโลกเลยทีเดียวค่า
และนอกจากห้องสมุดเซลซุสแล้ ว ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมอันน ่าทึ่งอีกมากมาย ทั้งโรงละครกลางแจ้งเอฟิซัส ที่จุคนได้ถึง 30,000 คน, มหาวิหารแห่งอาร์เทมิส (Temple of Artemis) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ขอ งโลกในยุคโบราณ, โรงอาบน้ำสกอลัสติเซีย (Bath of Scholasticia), โบสถ์เอเฟซุส (Church of Ephesus), โบสถ์นักบุญเซนต์จอห์น (Basitica of St.Jhon), ท่าเรือยิมเนเซียม (Harbor Gymnasium) เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างเป็นศิลปะแบบเฮ ลเลนนิสติก (Hellenistic) ที่ประณีตและงดงาม เดินชมเดินถ่ายรูปกันได้แบบ ไม่มีเบื่อ รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปใ นยุคกรีกโบราณเลยล่ะค่า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเอฟิซัส จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ม ีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งข องตุรกี
ภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut)
ภูเขาเนมรุต อยู่ใกล้กับเมืองอาดึยามัน (Adiyaman) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรก ีค่ะ มีความสูง 2,134 เมตร เป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย ์แห่งอาณาจักรโคมายานา (Commagene Kingdom) และยังได้ขึ้นทะเบียนให้เป็ นมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วย
สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แอนทิโ อคัสที่ 1 (Antiochos I) ซึ่งสุสานบนยอดเขาแบบนี้เป็ นที่นิยมมากในอารยธรรมยุคโบ ราณ มีการแกะสลักรูปปั้นหินขนาด ใหญ่กระจายอยู่เต็มยอดเขา มีรูปปั้นศีรษะคนแทนบุคคลสำ คัญต่างๆ รูปปั้นบูชาเทพเจ้ากรีก เช่น เทพเจ้าซุส เทพเฮอร์คิวลิส รวมถึงสิงโต และนกอินทรีย์ซึ่งถือเป็นอง ครักษ์ผู้คุ้มครองสุสานแห่ง นี้ด้วยค่ะ ขอบอกว่าขนาดของรูปปั้นนี่ใ หญ่โตเว่อร์วังมาก มีความสูงถึง 10 เมตร แต่เวลาผ่านไปหัวของรูปปั้น ก็ร่วงลงมา จึงจับมาวางเรียงกันเป็นแถว นี่แค่ส่วนหัวก็ 2 เมตรแล้ว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ข ึ้นที่เลิศสุดๆ มาประมาณตี 5 กำลังดีเลยค่ะ ช่วงเช้ามืดเราจะได้เห็นทั้ งดวงดาวเต็มท้องฟ้า พอพระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดอ่อนๆ จะส่องไปที่รูปปั้น เป็นภาพที่งดงามมากๆ ใครที่เดินทางมาตุรกี ที่นี่เป็นอีกสถานหนึ่งที่ค วรค่าแก่การมาเยือนเลยนะคะ โดยช่วงที่นักท่องเที่ยวนิย มมากันก็คือเดือนพฤษภาคมถึง เดือนตุลาคมค่ะ